รีวิว The Skin Collection เซรั่ม 4 สูตร จบทุกปัญหาผิว!

 รีวิว The Skin Collection

เซรั่ม 4 สูตร จบทุกปัญหาผิว!


 

สวัสดีค่ะทุกคน!

พูดถึงเรื่องของการบำรุงผิวหน้าแล้ว เชื่อว่าการเลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพและปัญหาผิวของแต่ละคนนั้นก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเลือกใช้สกินแคร์ที่ไม่เข้ากับปัญหาผิวใช้ไปก็เท่านั้นไม่เกิดผลอะไร หรือเกิดผลน้อยมาก วันนี้ฟางเลยหยิบเอาเซรั่มบำรุงผิวหน้าจาก The Skin Collection ที่มีทั้งหมด 4 สูตรที่แตกต่างกันออกไป

แล้วเพื่อนๆล่ะคะ เหมาะกับสูตรไหนบ้าง ตามไปดูพร้อมๆกันเลย!


สำหรับคอลเลคชั่นนี้เขามีทั้งหมด 4 ตัว ดังนี้ค่ะ

1. Serum Niacinamide12% + NAG8% เซรั่มช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดรอยด รอยแดง (สีเหลือง)

2. Serum Argireline 10% เซรั่มลดเลือนริ้วรอย ให้ผลคล้ายการทBotox (สีเขียว)

3. Serum Copper Tripeptide 3% เซรั่มลดหลุมสิว ผิวกระชับ รูขุมขนตื้นขึ้น (สีฟ้า)

4. Serum AHA10% + BHA2% เซรั่มช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดสิวอุดตัน สว่างกระจ่างใส (สีแดง) *ใช้เฉพาะกลางคืนเท่านั้น*

ซึ่งผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้ทุกตัวไม่ผสมแอลกอออล์และน้ำหอม

Fragrance Free

Alcohol Free

Allergen Free

Paraben Free


เริ่มจาก Serum Niacinamide12% + NAG8% (สีเหลือง)

สำหรับสูตรนี้จะช่วยฟื้นฟูผิว ลดอาการแดง และอาการระคายเคืองผิว ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ช่วยในการการผลัดเซลล์ผิว อ่อนโยน ช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น เผยผิวที่ดูกระจ่างใส นอกจากนี้ยังมีNiacinamide หรือวิตามินบี3 ที่ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ช่วยลดเลือนรอยสิวและรอยแผลเป็น สามารถช่วยให้รอยสิวแลดูจางลง รวมถึงช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ ช่วยให้รูขุมขนแคบลงและกระชับขึ้นนั่นเอง


เนื้อเซรั่มเป็นสีใส มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ทาง่าย เกลี่ยง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ


วิธีใช้ : ใช้บำรุงผิวหน้าเป็นประจำทุกเช้า-เย็น


ต่อไปเป็นสูตร Serum Argireline 10% เซรั่มลดเลือนริ้วรอย ให้ผลคล้ายการทำBotox (สีเขียว)

สำหรับสูตรนี้จะเน้นช่วยลดเลือนริ้วรอยจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบนใบหน้าค่ะ จากที่ศึกษามาเขาบอกว่าให้ผลคล้ายกับการทำ Botox หลังใช้ไปนานๆริ้วรอยจะค่อยๆจางหายไป เพิ่มความเยาว์วัยให้ผิว เผยผิวใหม่ที่เรียบเนียน เต่งตึงอีกครั้ง ซึ่งเหมาะสำหรับสาวๆที่มีปัญหาเรื่องของริ้วรอยมากๆ


เนื้อเซรั่มมีสีใสๆ ทาง่าย เกลี่ยง่าย ซึมเร็ว และให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดี

 

วิธีใช้ : ใช้บำรุงผิวหน้าเป็นประจำทุกเช้า-เย็น


สูตรที่ 3 คือ Serum Copper Tripeptide 3% เซรั่มลดหลุมสิว ผิวกระชับ รูขุมขนตื้นขึ้น (สีฟ้า)

สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องหลุมสิว ฟางแนะนำสูตรนี้เลยค่ะ เพราะเขาเป็นเซรั่มที่ช่วยปรับโครงสร้างผิว ทำให้ความหนาแน่นของผิวเพิ่มขึ้น ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ลดหลุมสิวบนใบหน้า ให้ผิวกลับมากระชับ รูขุมขนดูตื้นขึ้น ผิวดูแข็งแรง หน้ากลับมาเรียบเนียนเต่งตึงแน่นกระชับ โดยสูตรนี้เป็นสูตรที่ฟางชอบใช้ทาบำรุงก่อนแต่งหน้ามากๆ


เนื้อเซรั่มมีสีฟ้าๆ แต่ทาลงบนผิวก็จะกลายเป็นสีใสๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ ทาง่าย เกลี่ยง่าย ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ


วิธีใช้ : ใช้บำรุงผิวหน้าเป็นประจำทุกเช้า-เย็น ในส่วนของฟางแล้วใช้บำรุงผิวหน้าในขั้นตอนเตรียมผิวก่อนแต่งหน้า จะช่วยให้เครื่องสำอางติดทนและผิวดูอิ่มน้ำด้วยค่ะ


สำหรับสูตรสุดท้าย คือ

Serum AHA10% + BHA2% เซรั่มช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดสิวอุดตัน สว่างกระจ่างใส (สีแดง)

สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่ชอบบำรุงผิวในตอนกลางคืน ฟางแนะนำเป็นสูตรนี้เลยค่ะ เพราะเขาเป็นเซรั่มที่มีฤทธิ์กระตุ้นให้ผิวหนังมีการผลัดเซลล์ โดยลอกเซลล์ผิวเก่าออกและสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ ผลัดเซลล์ผิวที่เสียออกมา เพื่อให้ผิวดูกระจ่างใสมากขึ้น ช่วยลดสิวอุดตัน และทุกปัญหาสิวอีกด้วยนะคะ


เนื้อเซรั่มมีสีแดงอ่อนๆ หลังจากทาลงบนผิวก็จะเป็นสีใสๆ ทาง่าย เกลี่ยง่าย มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ช่วยให้ผ่อนคลาย


วิธีใช้ : ใช้ทาบำรุงผิวเฉพาะเวลากลางคืนค่ะ


ความรู้สึกหลังใช้

ต้องบอกว่าสูตรที่ฟางใช้เป็นประจำจริงๆมีอยู่ 2 สูตร นั่นก็คือสูตรสีน้ำเงินและสีเขียวค่ะ เพราะเนื่องจากว่าฟางเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องของรูขุมขนกว้างและกังวลกับเรื่องของริ้วรอยก่อนวัย ฉะนั้นจึงใส่ใจในเรื่องนี้เป็นพิเศษ โดยหลังจากที่ฟางใช้มาสักระยะ สิ่งที่สังเกตุได้คือรูขุมขนดูกระชับขึ้น รูขุมขนตื้นขึ้น ทำให้แต่งหน้าได้ง่าย หน้าเรียบเนียนกระจ่างใส อิ่มน้ำ ดูหน้าเด็ก ผิวแลมีสุขภาพดีค่ะ

สรุปรวมๆคือใช้ดีทุกสูตร แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครมีปัญหาผิวในเรื่องไหนนั่นเอง






เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับรีวิวเซรั่มบำรุงผิวหน้าดีๆจาก The Skin Collection แล้วเพื่อนๆล่ะเหมาะสำหรับเซรั่มสูตรไหนกันบ้างอย่าลืมมาแชร์ประสบการณ์กันนะคะ ยังไงวันนี้ฟางต้องขอตัวไปก่อนแล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้า

สวัสดีค่ะ


เพื่อนๆสามารถหาซื้อได้ที่ shopee

และติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเพจ https://www.facebook.com/TheSkinCollectionTH

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

CONVERSATION

Back
to top